พันธุ์โซโล

Pet-tree-20877

เป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากในต่างประเทศ อายุการให้ผลผลิตในรุ่นแรกนานกว่าพันธุ์อื่นๆในช่วง 12-14 เดือน ที่ความสูงประมาณ 1-1.5 เมตร ให้ผลที่มีลักษณะคล้ายผลโกโก้ แต่ค่อนข้างกลมกว่า ขนาดผลยาวประมาณ 15 เซนติเมตร กว้างประมาณ 10 เซนติเมตร น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 450 กรัม/ผล ผลสุกให้เนื้อที่มีรสหวาน เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ

 

อ้างอิง : http://puechkaset.com

พันธุ์พื้นเมือง

papayat

มะละกอพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่ไม่นิยมปลูก แต่ขอนำเสนอข้อมูลให้ทราบเบื้องต้น เพราะถือเป็นพันธุ์ที่ปลูกกันมานาน แต่ไม่นิยมปลูก พบปลูกในแต่ละท้องถิ่นหรือเติบโต และขยายพันธุ์ตามธรรมชาติเท่านั้น ปัจจุบันเป็นพันธุ์ที่หายาก มีลักษณะเด่น คือ ทนต่อสภาพแวดล้อม และทนต่อโรคต่างๆได้ดี เติบโตได้ดีทั้งสภาพดินที่เป็นกรด-ด่าง ทนความแห้งแล้ง ผลมีลักษณะที่ไม่แน่นอน ลักษณะผลเล็ก ผิวไม่เรียบ ติดผลยาก ผลไม่ดก ผลดิบมีลักษณะเนื้อเหนียว หยาบ ผลสุกสีเหลือง มีลักษณะเนื้อเละ มีความหวานน้อย ไม่นิยมรับประทาน

 

 

 

อ้างอิง : http://puechkaset.com

พันธุ์สายน้ำผึ้ง

พันธุ์พ
เป็นมะละกอพันธุ์เตี้ย ก้านใบเขียวปนขาว ก้านใบยาวกว่าพันธุ์แขกดำ แต่แข็งแรงน้อยกว่า ในระยะออกดอกก้านใบมีสีเขียวอ่อนหรือเขียวปนข่าว ก้านใบล่างมีลักษณะเอนลงสู่พื้น ใบมีขนาดกว้างแต่บาง ที่ลำต้นมีลักษณะข้อยาว ผลมีส่วนหัวเรียวไปสู่ส่วนท้ายที่ใหญ่ ส่วนหัวและปลายผลมีลักษณะแหลม มีความยาวประมาณ 29 เซนติเมตร แต่อาจถึง 50 เซนติเมตร ผลมีร่องระหว่างพูเป็นเหลี่ยมชัดเจน เปลือกผลมีสีเขียว เนื้อหนาประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร เมื่อสุกเนื้อมีสีส้ม รสชาติหวาน มีเมล็ดประมาณ 350 เมล็ดต่อผล เหมาะสำหรับบริโภคสุก

 

 

อ้างอิง  : http://www.thaigoodview.com

พันธุ์เรดเลดี้

redlady3

 

เรดเลดี้ (RED LADY) มะละกอลูกผสมเบอร์ 786 เป็นมะละกอลูกผสมพันธุ์ใหม่ที่เปิดตัวสายพันธุ์มากว่า 3 ปีแล้ว มะละกอสายพันธุ์นี้มีจุดเด่นคือ ให้ผลผลิตและติดผลเร็ว ลำต้นสูง 80 เซนติเมตร ก็สามารถติดดอกออกผลได้เร็ว โดยในแต่ละต้นจะมีจำนวนผลดกเฉลี่ย 30 ผล ต่อต้น ลักษณะผลสั้นจนถึงยาวรี น้ำหนักเฉลี่ย 1,500 กรัม – 2,000 กรัม ผลที่เกิดจากต้นตัวเมียจะมีลักษณะกลม-สั้น เนื้อสีส้มแดง เนื้อหนาสีส้มแดง กรอบ กลิ่นหอม ความหวาน 13 บริกซ์ เหมาะสำหรับการรับประทานสุกหรือดิบ ทนทานต่อการขนส่งได้ดี เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตเร็ว ต้านทานโรคใบจุดวงแหวน (Ring Spot) ที่เกิดจากไวรัสได้เป็นอย่างดี

 

 

อ้างอิง : http://info.matichon.co.th

พันธุ์ปากช่อง

papaya_clip_image002_0000
ลักษณะสายพันธุ์ปากช่อง
-ใบ  มี 7 แฉก ใบสีเขียวเข้ม ใบกว้าง 85-70 เซนติเมตร ใบยาว 66-70 เซนติเมตร ก้านใบสีเขียวยาว 80-89 เซนติเมตร
-ผล  น้ำหนักผลดิบ 1,000-1,200 กรัม น้ำหนักผลสุก 900-1,100 กรัม สีผิวผลสุกสีเหลือง สีเนื้อสุกสีส้มแดง ความหนาเนื้อประมาณ 3 เซนติเมตร น้ำหนักเนื้อ 810 กรัม น้ำหนักเปลือก 50 กรัม น้ำหนักเมล็ด 40 กรัม คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เนื้อ เปอร์เซ็นต์เปลือก เปอร์เซ็นต์เมล็ด ความหนาเปลือก 0.16 เซนติเมตร
-ความหวาน 15 องศาบริกซ์ กลิ่นหอมรสชาติดี หลังจากปลูก 8 เดือน ให้น้ำหนักผลผลิต 40-50 กิโลกรัม ต่อต้น
*ค่อนข้างทนต่อโรคไวรัสจุดวงแหวน
ลักษณะสายพันธุ์ ปากช่อง 2 (12 – 21) ใบมี 7 แฉก ใบสีเขียวเข้ม ใบกว้าง 85 – 70 เซนติเมตร ใบยาว 66 – 70 เซนติเมตร ก้านใบสีเขียวยาว
80 – 89 เซนติเมตร น้ำหนักผลดิบ 1,000 – 1,200 กรัม น้ำหนักผลสุก 900 – 1,100 กรัม สีผิวผลสุกสีเหลือง สีเนื้อสุกสีส้มแดง ความหนาเนื้อประมาณ
3 เซนติเมตร น้ำหนักเนื้อ 810 กรัม น้ำหนักเปลือก 50 กรัม น้ำหนักเมล็ด 40 กรัม คิดเป็นเปอร์เซ็นต์เนื้อ เปอร์เซ็นต์เปลือก เปอร์เซ็นต์เมล็ด ความหนาเปลือก
0.16 เซนติเมตร ความหวาน 12- 14 องศาบริกซ์ กลิ่นหอมรสชาติดี หลังจากปลูก 18 เดือน ให้น้ำหนักผลผลิต40 – 50 กิโลกรัมต่อต้น ค่อนข้างทนต่อโรคไวรัสจุดวงแหวน

 

อ้างอิง : http://www.kasetporpeangclub.com

พันธุ์ฮอลแลนด์

1373593704-1-o

ลักษณะประจำพันธุ์ของมะละกอฮอลแลนด์

มะละกอฮอลแลนด์ ลำต้นใหญ่สีเขียว ใบมี 11 แฉกใหญ่ กลางใบมีกระโดงใบ 1 ใบ ก้านใบมีสีเขียวตั้งขึ้น ดอกออก เป็นช่อ ติดผลดก รูปทรงกระบอกคล้ายลูกฟักอ่อน อายุ เก็บเกี่ยว 8 เดือน น้ำหนักผลประมาณ 800-2,000 กรัม ต่อผล เนื้อสีแดงอมส้ม ไม่เละ เนื้อหนา 2.5-3.0 เซนติเมตร ความหวานวัดได้ 11-13 องศาบริกซ์ ผลผลิตต่อต้น 60-80 กิโลกรัม จุดเด่นที่มองออกง่ายมากว่าผลมะละกอฮอลแลนด์เป็นอย่างไรนั้น ที่ปลายผลจะป้านคล้ายผลฟักอ่อน
ลักษณะเด่นของมะละกอฮอลลแลนด์

ไม่มีกลิ่นยาง เนื้อหนา รสหวาน เปลือกหนา ทนทานต่อโรค ทนทานต่อการขนส่งให้ผลดก เนื้อแน่นแข็ง น้ำหนักดี รสชาติหวาน ทนทานต่อโรค มีตลาดรองรับ มะละกอพันธุ์นี้มีอายุเก็บเกี่ยว 8 เดือน น้ำหนักผลอยู่ที่ประมาณ 0.8-1.2 กก.ต่อผล เนื้อมีสีแดงอมส้ม ไม่เละ เนื้อหนา 2.5-3.0 เซนติเมตร ผลผลิตต่อต้น 60-80 กิโลกรัม มะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์นี้สามารถปลูกได้เกือบทุกสภาพพื้นที่ ยกเว้นพื้นที่น้ำขัง ดินที่เหมาะสมควรเป็นดินเหนียวปนทราย

 

เกร็ดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะละกอฮอลแลนด์

– มะละกอฮอลแลนด์จะให้ผลผลิต เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 100 กก. ต่อ ต้น ตลอดอายุการเพาะปลูก

– หลังย้ายปลูก 9 เดือนก็สามารถเก็บผลสุกมะละกอจำหน่ายได้ โดยสังเกตดูที่ผลหากมีแต้มปรากฏอยู่บนผล 2-3 แต้มก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

– สภาพอากาศร้อนจะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนดอกกระเทยให้กลายเป็นดอกตัวเมีย และถ้ามีอากาศร้อนมาก ๆ จะทำให้มะละกอไม่ติดดอกได้ จึงควรให้มีความชื้นอย่างเพียงพอในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด

– มะละกอจะมีราคาแพงขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน

 

 

อ้างอิง : http://papaya-trip.blogspot.com

พันธุ์แขกดำท่าพระ

e0b89ee0b
เป็นพันธุ์ลูกผสมที่ได้จากการใช้มะละกอพันธุ์แขกดำเป็นต้นแม่พันธุ์แล้วทำการผสมกับมะละกอพันธุ์ฟลอริดา ทอเลอแรนท์ (Florida Tolerant) ลักษณะเป็นมะละกอต้นเตี้ยมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 1.30 เมตร ลำต้นแข็งแรง ใบมีสีเขียวเข้ม มีความทนทานต่อโรคใบจุดวงแหวนได้ดี (Papaya Ringspot Virus ; PRV) มีการเจริญเติบโตไดัดีแม้จะปลูกในพื้นที่ซึ่งมีการระบาดของโรคอย่างรุนแรงก็ตาม เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสม่ำเสมอและให้ผลผลิตค่อนข้างเร็วโดยให้ผลผลิตได้เพียง 3 เดือนหลังจากการย้ายปลูก โดยผลแรกมีการสุกในระยะเวลา 6-7 เดือน ผลมีขนาดปานกลางและมีลักษณะยาวตรง น้ำหนักเฉลี่ย ประมาณ 1.5 กิโลกรัม เมื่อผลดิบมีสีเขียวเข้มและผิวผลไม่เรียบแต่เนื้อกรอบเหมาะสำหรับนำมาทำส้มตำเมื่อสุกเนื้อจะมีเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มและมีรสชาติหวามหอมน่ารับประทาน

 

อ้างอิง : http://papaya-trip.blogspot.com

พันธุ์แขกนวลดำเนิน

มะละกอแขกนวลดำเนิน จัดว่าเป็นมะละกอที่เลื่องชื่อในวงการส้มตำมานาน เพราะเป็นมะละกอที่กรอบกว่าทุกสายพันธุ์เลยก็ว่าได้ เรื่องนี้แม่ค้าส้มตำระดับมืออาชีพก็น่าจะรู้ดี แถมยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจตลาดมีความต้องการสูง เฉลี่ยต่อต้นแล้วผลผลิตที่ได้เท่ากับต้นละ 200 – 300 กิโลกรัมต่อต้นต่อปีเลยทีเดียว สมมุติว่าถ้าเรามีพื้นที่สำหรับปลูกมะละกอแขกนวล 1 ไร่ ปลูกด้วยระยะห่าง 2 x 2 เมตร จะปลูกมะละกอได้จำนวน 400 ต้น ก็จะได้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 8 -10 ตันต่อไร่ต่อปีเลยทีเดียว หากคำนวณราคาเพียงแค่กิโลกรัมละ 4 บาท เราก็จะมีรายได้โดยประมาณ 32,000 – 40,000 บาทต่อไร่เลยทีเดียวครับ ส่วนการปลูกมะละกอแขกนวลดำเนินนั้น ก็ไม่มีอะไรยาก ซึ่งส่วนใหญ่นิยมปลูกโดยวิธีการเพาะเมล็ด จากนั้นค่อยย้ายกล้าลงแปลงปลูกเมื่อต้นกล้ามีอายุได้ประมาณ 1เดือน

159466

วิธีการเพาะเมล็ด มะละกอแขกนวลดำเนิน

ก่อนอื่นให้เรานำเมล็ดมะละกอแช่น้ำอุ่นประมาณ 60 องศา แช่ทิ้งไว้ 1 คืน จะสังเกตเห็นว่าเมล็ดมะละกอมีลักษณะบวมพอง จากนั้นให้นำเมล็ดมะละกอมาเพาะในถุงเพาะชำขนาด 5 x 8 นิ้ว ที่ใส่วัสดุปลูกอันประกอบด้วยดินร่วน 1 ส่วน ทราย 1 ส่วน และแกลบดำอีก 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นให้ใส่เมล็ดมะละกอที่เตรียมไว้ลงถุง ๆ ละ 3 เมล็ด รดน้ำให้ชุ่มประมาณ 7-10 วัน เมล็ดก็จะเริ่มงอก จากนั้นก็ทำการรดน้ำพอชุ่มวันละครั้งก็เป็นอันเรียบร้อยครับ

 

อ้างอิง : http://papaya-trip.blogspot.com